Tuesday

Cape Panwa Resort Phuket Thailand



4 วัน 3 คืนที่รีสอร์ทหรู Cape Panwa Resort and Spa
ผมได้มีโอกาสไปพักผ่อนที่โรงแรมเคปพันวาเป็นเวลา 4 วัน 3 คืน ห้องเคปสวีท ซึ่งจัดเป็นอีกการเดินทางที่ประทับใจมากเลยขอนำมาแชร์กับเพื่อนๆเผื่อใว้ใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจเลือกที่พักบนเกาะภูเก็ตนะครับ



โรงแรมเคปพันวาเป็นโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว อยู่ในเคปโฮเทลคอลเลคชั่น (Cape hotel collection) ซึ่งจัดเป็นระดับสูงสุดของเครือโรงแรมนี้ ตั้งอยู่ในบริเวณแหลมพันวา จุดเด่นของโรงแรมนี้น่าจะเป็นพื้นที่ของทางโรงแรมที่กว้างขวางมากเมื่อเทียบกับโรงแรมทั่วไปในภูเก็ต มันทำให้แขกผู้เข้าพักรู้สึกไม่แออัดเมื่อใช้บริการต่างๆของทางโรงแรม อย่างไรก็ตามเพื่อให้ดูกันง่ายๆผมขอสรุปเป็นข้อดีข้อเด่นดังนี้นะครับ
1. พื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง มีสนามหญ้าใช้ตีแบด นอนอ่านหนังสือ และสวนมะพร้าวที่ร่มรื่น
2. หน้าหาดส่วนตัวยาว 300เมตร ทรายละเอียดยิบ พร้อมเก้าอี้อาบแดดมากมาย
3. ท่าเรือส่วนตัวที่มากับวิวพระอาทิต์ขึ้นที่สวยมากๆ 
4. ร้านอาหารหลากหลายมี 7 ร้านอาหาร และ4บาร์กระจายทั่วรีสอร์ท
5. สระว่ายน้ำ 2 สระสระบนเนินชมวิว และสระล่างติดหาดพร้อมจากุซซี่
6. รถราง (Tram) บริการกับแขกผู้เข้าพัก
7. บ้านพันวา เปิดให้เข้าชมระหว่างวัน เปลี่ยนเป็นร้านอาหารไทยเรียบหรูช่วงเย็น
8. ห้องเคปสวีท กว้างขวางมากมีอ่างจากุซซี่นวดตัวริมระเบียง และอ่างแช่น้ำในห้องน้ำ
9. พนักงานบริการดีมาก ยิ้มแย้มแจ่มใส
10. อาหารเช้าอร่อยและหลากหลาย เวลคัมดริ๊งค์แบบดีมากยังไงตามดูในรีวิวครับ
11.ได้สัมผัสสัตว์และธรรมชาติอย่างใกล้ชิด

สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ลองมาดูรูปแล้วไปเที่ยวผ่านรีวิวนี้ด้วยกันนะครับ
ผมเดินทางมาถึงบ่ายสองเกือบครึ่ง รับเวลคัมดริ๊งค์เป็นน้ำสมคั้นสดและผ้าเย็น พนักงานแจ้งว่าห้องเสร็จเพียงห้องเดียวอีกห้องต้องรอสักพัก เราก็โอเคไม่มีปัญหา ได้แพ็คเกจมาประกอบไปด้วย คีย์การ์ด 2 ใบ แผนที่ของโรงแรม คูปองใช้แลกเครื่องดื่มที่ Otter’s Bar หนึ่งใบ/คน และผมจองสปาไว้ก็ได้ยืนยันวันและเวลาจองกันอีกครั้ง ประทับใจกับล็อบบี้ที่สวยสง่ามากๆ (ตามอ่านรีวิวและรูปสวยๆมาก่อนแล้วจากคุณเอ็มพักสบาย) อ้อแล้วเราก็จองห้องอาหาร Panwa House สำหรับมื้อเย็นด้วยครับ







มาดูห้องพักกันดีกว่า ผมได้อ่านรีวิวและสอบถามทางโรงแรมพบว่าตึก C และตึก J คืออาคารที่ใกล้ที่ทานอาหารเช้าและวิวสวยครับ ผมจึงรีเควสห้องไป ต้องขอบคุณทางโรงแรมด้วยนะครับที่เลือกห้องให้ เลขที่ออกคือ J302 และ J303 ซึ่งชั้นสามสามารถเดินจาก Round House มาได้เลยไม่ไกลและใกล้กับ Tram (รถราง) อีกด้วย ทริปนี้มีผม พี่สาวและคุณพ่อคุณแม่ เลยต้องดูเรื่องความสะดวกนิดหน่อย
ห้องนี้แนะนำเลยครับเพราะเห็นวิวทะเล ท่ามกลางความเขียวขจีของต้นไม้และต้นมะพร้าว กับวิวแทรม แต่ผมคิดว่าชั้น 4 น่าจะได้วิวที่สวยกว่านี้ แต่ชั้นนี้สะดวกสำหรับผู้สูงสัยดีครับไม่ต้องขึ้นๆลงๆ
เปิดประตูเข้ามาเจอห้องที่กว้างใหญ่มาก 78 ตร.ม. พ่อผมยังบอกว่ามานอนด้วยกันสี่คนก็ได้แล้วคืนห้องเขาไปหนึ่งห้อง ฮ่าๆๆ เตียงขนาดใหญ่และนอนสบายมากๆ แม้แต่โซฟายังมีขนาดใหญ่ใช้เป็นเตียงเดี่ยวได้สบายๆ floor plan แบบเปิดโล่งทำให้ห้องดูสว่างรับแสงจากระเบียงได้เต็มที่ บริเวณระเบียงมีอ่างจากุซซี่ขนาดใหญ่สำหรับลงแช่อ่างนอนดูดาวและวิวทะเลได้สบายใจ อีกมุมก็เป็นเดย์เบดขนาดนอนกลิ้งไปมาได้สามตลบ และยังมีโต๊ะเก้าอี้อีกชุดสำหรับนั่งอ่านหนังสือจิบกาแฟเพลินๆได้ มี walk-in closet ไว้แต่งตัวเก็บเสื้อผ้าอีกด้วย จัดว่าลงตัวมากๆครับ








ออกสำรวจโรงแรมกันดีกว่า อันดับแรกที่ต้องใช้คือรถรางพาเราลงไปยังบริเวณสวนและชายหาด เหมือนกลับไปเป็นเด็กๆอีกครั้ง รถรางที่นี่เปิดตอน 9 โมงเช้านะครับ วิ่งช้าๆชิลล์ๆรับได้ครั้งละไม่เกิน 7 คน  เดินต่อสักนิดก็จะพบกับชายหาดขาวทอดยาวถึง 300 เมตรสวยงามมาก ทรายละเอียดดุจแป้ง วิวด้านซ้ายเป็นท่าเรือของเคปพันวา ทางขวามือก็เป็นวิวของโรงแรมศรีพันวา สามผ่านครับ หาดส่วนตัว+น้ำทะเลใสปิ้ง+ทรายนุ่มๆ เราก็เดินต่อไปยังท่าเรือเพื่อตามรอยละคร หนึ่งในทรวง ทางเดินไกลพอสมควรแต่ขอชมพนักงานที่ดูแลได้สะอาดมาก ใบไม้และเศษขยะแทบไม่เคยเห็น เก็บกวาดกันตลอดเวลา ได้วิวยามบ่ายไป เดี๋ยวตื่นมาเก็บวิวพระอาทิตย์ขึ้นวันที่สอง



จากนั้นเราก็เดินสำรวจเพื่อหาทางไป Otter’s Bar เพื่อไปจิบเวลคัมดริ๊งค์ชมวิวยามเย็นของรีสอร์ท ทางเดินค่อนข้างชันสำหรับผู้สูงวัย ยังไงผมแนะนำขึ้นแทรมแล้วเดินต่อจะง่ายกว่านะครับ ในที่สุดก็มาถึง อย่าลืมว่าที่นี่มี Dress Code การแต่งกายด้วยนะครับ ผู้ชายต้องใส่รองเท้าหุ้มส้นและเสื้อเชิร์ต ผู้หญิงก็ชุดสุภาพครับ ถ้าไม่สะดวกหรือไม่ได้เตรียมมาก็คงต้องไปบาร์ที่ Dolphin Bar ทางฝั่งโรงแรม Kantary แทนนะครับ ผมแนะนำมาที่ Otter’s Bar คุ้มกว่าเยอะเพราะวิวที่ดีกว่าสวยกว่านั่นเอง เครื่องดื่มก็เลือกได้ตั้งแต่เบียร์ ไวน์แดง ไวน์ขาว ถือว่าเป็นจุดเด่นของที่นี่เลยครับ  






เมื่อดื่มกันเสร็จก็กลับมาที่ห้องเพื่อเตรียมไปทานอาหารเย็นกันที่ Panwa House ร้านอาหารไทยในบ้านสไตล์ชิโน-โปรตุกีส ที่เขามาถ่ายละครกันบ่อยๆนี่ล่ะครับ อาหารไทยแท้รสชาดจัดจ้านครับ ราคาก็เหมือนกับตามโรงแรมห้าดาวทั่วไปคือแพงพอสมควร 555+ แต่รสชาดผ่านครับ คุณแม่ติว่าออกเค็มไปนิด




กลับมาที่ห้องน่าจะสักประมาณสองทุ่ม มีพนักงานนำเค้กมาให้ห้องคุณพ่อคุณแม่เพราะนี่เป็นทริปฉลองครบรอบแต่งงานของทั้งสองคนครับ ทั้งสองคนประทับใจมาก ส่วนผมกับพี่ก็ประทับใจในรสชาดเช่นกันครับ อร่อยแน่นอนเพราะมาจาก Café Kantary ซะอย่าง ทานกับกาแฟที่ให้มาอร่อยมากมาย กลับมาแช่อ่างแก้เมื่อยแล้วก็นอนหลับเป็นตายเพราะเหนื่อยกับการเดินทางและการสำรวจรีสอร์ท แต่ก่อนนอนผมก็ไม่ลืมที่จะเช็คเวลาพระอาทิตย์ขึ้นเพื่อตื่นทันถ่ายรูปและเก็บความประทับใจ





วันที่สอง
ตีห้าครึ่งคือเวลาตื่นเพราะเช็คสภาพอากาศแล้วอากาศน่าจะแจ่มใสและเวลาพระอาทิตย์ขึ้นคือ 06.21น. ตอนเช้าขนาดนี้รถรางยังไม่เปิดบริการแต่การเดินทางก็ไม่ได้ลำบากจนเกินไป ผมลัดเลาะผ่านคาเฟ่อันดามันบริเวณที่ใช้ทานอาหารเช้า เดินไปเรื่อยๆลงไปยังท่าเรือ ก็ได้เจอวิวระดับเทพสมใจ สวยงามมากนี่ขนาดถ่ายจากกล้องมือถือธรรมดานะครับ






ถ่ายรูปจนหนำใจก็มาทานมื้อเช้ากันต่อ ที่นี่ให้ไลน์อาหารเช้าแบบจัดเต็มจริงๆครับ มีอาหารหลักๆเป็นข้าวผัด ไส้กรอก(แบบหรูหรานะครับขอบอก) หมูแฮม และเมนูพิเศษที่สลับเปลี่ยนทุกวันเช่น ก๋วยเตี๋ยวหลอด เป็ดรมควัน ติ่มซำ ที่ผมชอบคือไลน์เครื่องดื่มที่มีน้ำผลไม้สดหลากหลายมาก น้ำมะม่วงและน้ำส้มคืออะไรที่แนะนำอย่างแรง อีกซุ้มจะเป็นรถเข็นผลไม้ที่ไฮไลท์คือ มะม่วง และเมล่อน ปอกเปลือกใส่จานกันแทบไม่ทัน อร่อยแบบกินไปเยอะมากครับ ดูรูปแล้วมโนต่อกันเองล่ะกันนะครับ ที่นั่งแนะนำนั่งฝั่งที่เห็นวิวทะเลนะครับ เป็นเวิ้งอ่าวเห็นทิวเขาไกลๆสวยมากๆครับ มองอีกทางก็เห็นศรีพันวา ที่พักบนเนินเขาก็มีประโยชน์ตรงนี้ล่ะครับ วิวสวย




อิ่มแปล้แล้วก็กลับห้องเตรียมไปลงน้ำทะเลกันครับ ฟ้าใสทะเลสวยสมกับเป็นฤดูท่องเที่ยวของภูเก็ตจริงๆครับ อากาศดีมาก น้ำทะเลที่นี่ใสใช้ได้เลยครับ ทรายละเอียดยิบเดินถ่ายรูปเพลินจนตัวดำไปเลยทีเดียว ที่ชาวต่างชาติชอบมากๆเกี่ยวกับเคปพันวาก็คือจุดนี้ล่ะครับ หน้าหาดส่วนตัวพร้อมทะเลที่เล่นได้รวมกับวิวของศรีพันวา ทำให้เป็นจุดผ่อนคลายยอดฮิตที่ฝรั่งชื่นชอบมากๆนอนอ่านหนังสือตากแดดกันทั้งวัน ส่วนคนไทยและคนเอเซียไปสายๆก็หนีแล้วเจอกันอีกทีช่วงเย็นๆไปเลย


ตอนแรกกลัวเรื่องทะเลเป็นโคลนจากที่อ่านรีวิวก่อนหน้านี้ แต่ไม่ต้องห่วงครับเพราะทางโรงแรมได้มีบอร์ดแจ้งเวลาที่เล่นน้ำทะเลได้ในแต่ละวัน และมีแจ้งไว้ที่ข้างเตียงนอนอีกด้วย คลื่นไม่แรงเท่าหาดสุรินทร์หรือป่าตอง แต่ได้ความเป็นส่วนตัวมากมาย อันนี้ศรีพันวาไม่มีนะครับ หน้าหาดเขาแคบๆไว้วางทุ่นเป็นทางเดินขึ้นเรือเท่านั้น เคปพันวาได้ใจผมไปเต็มๆในด้านนี้
มีนัดนวดที่สปาตอนบ่ายโมง สปาก็อยู่ไม่ไกลจากล็อบบี้ แนะนำให้จองล่วงหน้านะครับเพราะฝรั่งจองกันเยอะพอสมควร ผมเลือกนวดไทย 60นาที ราคาปกติคือ 800บาทต่อคน จัดว่าโอเคอยู่ครับ แต่ผมคิดว่านวดอโรมาหรือนวดน้ำมันน่าจะคุ้มกว่าเพราะนวดไทยมันก็คล้ายๆกันทุกที่ 

บ่ายแก่ๆก็ได้เวลาออกสำรวจโรงแรมแคนทารี่ฝั่งอ่าวที่ตั้งอยู่บนถนนเส้นไปพิพิทธภัณฑ์สัตว์น้ำภูเก็ตครับ สองโรงแรมนี้อยู่เครือเดียวกันจึงมีบริการรถรับส่งจนถึงเที่ยงคืน นับเป็นอีกจุดเด่นของที่นี่ เพราะผู้เข้าพักจะได้วิวทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและตก และยังมีร้านอาหารให้เลือกมากกว่าโรงแรมทั่วๆไป ระยะทางไม่ไกลแต่ต้องข้ามเนินเขาที่ค่อนข้างชัน ดังนั้นการนั่งรถโรงแรมจึงเป็นคำตอบที่น่าจะดีที่สุด







Kantary ออกแนวโรงแรมราคาปานกลางหลักพันนิดๆ มีหลายอาคาร ที่สวยๆน่าจะเป็นบริเวณสวนใกล้สระว่ายน้ำครับ มีการจัดสวนไม้ดอกไม้ประดับได้สวยงาม มีร้านคาเฟ่แคนทารี่ที่ขายเบเกอรี่และพิซซ่า ข้างๆก็เป็นมินิมาร์ทของทางโรงแรมราคาไม่โหดร้ายนัก ลองดูรูปภาพประกอบกันเองนะครับ
อีกจุดที่ต้องขอชมคือแม่บ้านครับ ทำห้องเกือบๆชั่วโมงเพราะห้องใหญ่ แม่บ้านเก็บกวาดห้องได้สะอาดมาก ยิ้มแย้มแจ่มใส บริการด้วยใจมากๆครับ 


วันที่สาม
สบายๆครับ ตื่นแต่เช้าครั้งนี้ดูพระอาทิตย์ขึ้นจากระเบียงห้องนอนตัวเอง เมฆเยอะไปหน่อยแต่ก็ยังสวยอยู่ครับ ทานมื้อเช้าเสร็จก็ไปสำรวจอาคารอื่นๆ ข้อดีของที่นี่ก็คือทุกห้องทุกตึกมีมุมพักผ่อนไม่เหมือนกัน ทำให้มีเอกลักษณ์ไม่จำเจดีครับ วันนี้ผมจองล่องเรือของ Hype เพื่อไปเกาะราชาครับ ดังนั้นจึงไม่ได้อยู่โรงแรมเท่าไหร่นัก Hype Luxury Boat ถือว่าโอเคนะครับราคาแอบแรงไปนิดแต่ก็เป็นประสบการณ์ล่องเรือใบน่ะครับ






วันที่สี่
วันสุดท้ายก็มาถึงอย่างรวดเร็ว วันนี้ก็ยังคงอิ่มเอมกับมื้อเช้าก่อนไปก็ขอเก็บรูปและความประทับใจเพิ่มเติม ผมขอสรุปเลยล่ะกันนะครับ
สิ่งที่ประทับใจมากได้กล่าวไว้ตอนต้นแล้ว ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงแรมที่ผมอยากกลับไปพักอีกนะครับ เพราะค่อนข้างลงตัวในหลายๆด้าน แต่ขอฝากประเด็นเล็กน้อยที่คิดว่าถ้าโรงแรมปรับให้ดีขึ้นได้จะเป็นโบนัส และเพิ่มคะแนนความประทัปใจให้กับแขกที่เข้าพักทุกคนได้แน่นอนครับ
สิ่งที่น่าจะทำได้ดีกว่านี้
1. amenities ในห้องน้ำน่าจะเป็นของพรีเมี่ยมกว่านี้ครับ สบู่ แชมพู ผมว่ามันธรรมดาไปครับสำหรับโรงแรมระดับนี้
2. น่าจะมีบริการ turn down service เหมือนโรงแรมรีสอร์ทหลายๆที่ แค่เติมน้ำดื่มกับเก็บห้องให้ก็พอครับ
3. อยากให้มี Afternoon Tea Set นะครับจะได้ใช้บริการริมหาด จะเป็นแบบ complimentary หรือคิดเงินก็ได้ครับ
4. สภาพห้องเริ่มมีบางส่วนชำรุดนะครับ ห้องผมอ่างจากุซซี่ไม่มีฝักบัวและปุ่มกดเสีย ประตูระเบียงล็อคไม่ได้







No comments:

Post a Comment

Any Suggestions?